วิหารคาร์นัค

วิหารคาร์นัค

     ย้อนไปสมัยก่อนคริสตกาล หรือ 3,000 ปีที่แล้ว อาณาจักรอียิปต์โบราณมีความเจริญรุ่งเรืองมาก่อนยุคกรีกและโรมัน ชาวอียิปต์อาศัยอยู่ตามลุ่มแม่น้ำไนล์ มีความสามารถทั้งด้านการปกครอง สถาปัตยกรรม และศิลปะ ตลอดจนศาสตร์อื่นๆ จนสามารถสร้างอาณาจักรให้ยิ่งใหญ่มาจนถึงปัจจุบัน

ความรุ่งเรืองของอียิปต์วัดได้จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งก่อสร้าง โบราณวัตถุต่างๆ และร่องรอยอารยธรรมที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่สมัยก่อนคริสตกาล

เมื่อพูดถึงการไปเที่ยวอียิปต์หลายคนมักนึกถึงการไปชมความงดงามของพีระมิดแห่งเมืองกีซา นอกกรุงไคโร แต่แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งคือ ลักซอร์แห่งลุ่มแม่น้ำไนล์ ทั้งวิหารแห่งลักซอร์และวิหารคาร์นัค ทั้ง 2 แห่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมเพื่อบูชาเทพเจ้าชื่อ “อะมอนราหรืออะมอนเร” สุริยเทพหนุ่มสวมหมวกขนนกคู่สูง มีแผ่นวงกลมสุริยะอยู่ด้านหน้า

ชาวอียิปต์เชื่อกันว่าเทพเจ้าอะมอนราจุติมาเกิดเป็นฟาโรห์หรือกษัตริย์ที่ปกครองอียิปต์ นอกจากนี้อะมอนรายังเป็นเทพเจ้าประจำเมืองวาเซ็ต ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองธีบส์ หรือ Thebes เมืองหลวงของอียิปต์ที่ปกครองโดยฟาโรห์ราชวงศ์ที่ 11-21

วิหารคาร์นัคเป็นโบราณสถานที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนมากเป็นอันดับ 2 รองจากพีระมิดแห่งกีซา มีชื่อเป็นภาษาอียิปต์ว่า Ipet-isut แต่ปัจจุบันเรียกชื่อตามหมู่บ้านคือ el-Karnak อยู่ห่างจากเมืองลักซอร์ไปทางเหนือเพียง 2.5 กิโลเมตร

วิหารคาร์นัคเริ่มก่อสร้างในสมัยฟาโรห์พระองค์ใดไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่คาดกันว่าเป็นกษัตริย์ในราชวงศ์ที่ 11 บางคนเชื่อว่าสร้างในสมัยฟาโรห์เซซอสตริสที่ 1 กษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์ที่ 12 หรือปี 1991 ก่อนคริสตกาล แต่วิหารคาร์นัคได้รับการบูรณะและก่อสร้างเพิ่มเติมในช่วงราชวงศ์ที่ 18-20 และมีการบูรณะต่อเนื่องสมัยที่โรมันเข้าครอบครองอียิปต์ การต่อเติมวิหารคาร์นัคทำให้พื้นที่ของวิหารกว้างขวางใหญ่โตจนกลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่รองจากพีระมิดแห่งกีซา

วิหารคาร์นัคได้รับการขนานนามว่าเป็น Open air Museum เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมตลอดทั้งวัน ภายในวิหารแบ่งออกเป็น 3 ส่วน แต่ละส่วนมีสิ่งก่อสร้างและพื้นที่ใหญ่โต ส่วนแรกซึ่งได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวคือ วิหารอะมอนรา หรือ Amon-Re และอีก 2 ส่วนจะไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมคือ วิหารแห่งมอนตู (Montu) เป็นเทพเจ้าอีกองค์หนึ่งซึ่งจะอยู่ทางทิศเหนือ และวิหารเทวีมัต (Mut) จะอยู่ทางทิศใต้ของวิหารอะมอนรา มีทางเดินเชื่อมถึงกัน สองข้างทางจะมีรูปปั้นสฟิงซ์หัวแกะ

เมื่อเดินเข้าไปยังประตูตรงทาง เข้าวิหารอะมอนราจะผ่านกำแพงเป็นชั้นๆที่ฟาโรห์แต่ละพระองค์สร้างเอาไว้อย่างใหญ่โตมโหฬาร เพราะแค่กำแพงชั้นที่ 1 ก็มีความกว้างถึง 113 เมตร และหนากว่า 15 เมตร อีกด้านหนึ่งของกำแพงจะมีบันไดเพื่อขึ้นไปชมวิว

เมื่อพ้นกำแพงชั้นที่ 1 จะพบภาพแกะสลักของเทวีมัต เทพเจ้าอะมอนรา และเทพคอนซู ซึ่งเป็นวิหารหลังเล็ก เชื่อกันว่าเทพและเทวีทั้ง 3 องค์เป็นพ่อแม่ลูกกัน ฟาโรห์ชื่อเซติที่ 2 เป็นผู้สร้างถวาย ตรงเข้าไปจะพบลานกว้างที่เรียกว่า Great Court ซึ่งมีเสาหินที่ประดับด้วยภาพเทพเจ้าโอซิริส

จากนั้นจะ ผ่านส่วนสำคัญของวิหารอะมอนราคือ Hypostyle Hall ห้องโถงที่มีเสาหินขนาดใหญ่ถึง 134 ต้น กินพื้นที่ 6,000 ตารางเมตร เสาแต่ละต้นมีความสูงและกว้างใหญ่มาก โดยจะสลักอักษรภาพที่แสดงถึงวิถีชีวิตและกิจกรรมของฟาโรห์ที่เกี่ยวข้องกับ เรื่องศาสนาและสงคราม เสาบางต้นตรงหัวเสามีรูปดอกปาปิรัสประดับเอาไว้

จากห้องโถงก็เข้าไปยังกำแพงชั้นที่ 2 จะพบภาพแกะสลักของฟาโรห์องค์สำคัญของอียิปต์คือ รามเสสที่ 2 พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ปกครองอียิปต์มายาวนานถึง 65 ปี 2 เดือน หรือตั้งแต่ 1,278-1,213 ปีก่อนคริสตกาลในสมัยราชวงศ์ที่ 19 ฟาโรห์รามเสสที่ 2 เป็นกษัตริย์ที่ในพระคัมภีร์ไบเบิลระบุว่าทรงขับไล่ชาวยิวภายใต้การนำของโมเสสออกจากแผ่นดินอียิปต์


ถัดจากกำแพงชั้นที่ 3 และ 4 จะพบ Central Court เป็นลานที่สามารถมองเห็นเสาหินสี่เหลี่ยม หรือที่เรียกว่าเสาโอเบลิสก์ (obelisk) เดิมจะตั้งเอาไว้ 4 ต้น ปัจจุบันเหลือเพียงต้นเดียว เป็นฝีมือการสร้างของฟาโรห์แห่งราชวงศ์ที่ 18 สูง 23 เมตร น้ำหนักราว 143 ตัน สร้างด้วยหินแกรนิตสีชมพู จากส่วนนี้เข้าไปด้านในเป็นกำแพงชั้นที่ 5 และ 6 ระหว่างกำแพงจะมีแท่นหินแกะสลัก รวมถึงเสาหินรูปดอกปาปิรัสและดอกบัว ถัดเข้าไปเป็นกำแพงชั้นที่ 6 มีห้องเล็กๆ เป็นห้องบูชาเทพอะมอนรา

ภายในวิหารอะมอนรายังมีวิหารย่อยๆอีกมากมาย รวมถึงสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ประกอบพิธีบูชาเทพเจ้า

วิหารคาร์นัคถือว่าเป็นสิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์ของอียิปต์ ใช้เวลาก่อสร้างยาวนาน โดยมีฟาโรห์ถึง 30 พระองค์ร่วมกันก่อสร้างวิหารแห่งนี้เพื่อบูชาเทพเจ้า ตามความเชื่อในสมัยโบราณนั้น เทพเจ้าคือผู้ที่คอยคุ้มครองดินแดนอียิปต์ และเทพเจ้าคือส่วนหนึ่งของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แต่ละพระองค์ของอียิปต์


การเดินทางจากกรุงไคโร เมืองหลวง ด้วยเครื่องบินสายการบินในประเทศของอียิปต์ไปยังเมืองลักซอร์ ซึ่งมีสนามบินนานาชาติ ส่วนใหญ่บริษัททัวร์จะจัดโปรแกรมล่องแม่น้ำไนล์ แวะเที่ยวเมืองลักซอร์ เพื่อชมวิหารลักซอร์และวิหารคาร์นัค

ที่มา : http://www.mundoyo.com/Journal/?j=1411

ใส่ความเห็น